Menu
เมื่อผู้บริโภคยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับสิ่งของที่จับต้องไม่ได้ จาก เทรนด์การตลาด ของการจ่ายเงินเพื่อแลกคอนเทนต์บางอย่าง มาสู่การจ่ายเงินเพื่อครอบครองความเป็นเจ้าของ Digital Assets ด้วยเทคโนโลยีอย่าง NFT สิ่งนี้จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำการตลาด ไปจนถึงการที่ธุรกิจหันมาปรับตัว สร้าง Virtual Goods เพื่อดึงดูดให้คนซื้อ Physical Goods เพิ่มขึ้น
เทรนด์การตลาด 2022 #การตลาด
ทุกคนอาจจะยังสงสัยว่าอะไรคือ Digital Assets แล้ว NFT คืออะไร แล้วการสร้าง Virtual Goods จะดึงดูดให้คนซื้อ Physical Goods ได้อย่างไร เราไปดูคำตอบกันทีละส่วนกันเลยค่ะ
อะไรคือ Digital Assets?
Digital Assets หรือ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นสิ่งของที่จับต้องไม่ได้แต่มีมูลเหมือนสินทรัพย์ทั่วไป ที่สามารถซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนบนโลกดิจิทัล โดยไม่ผ่านตัวกลางใดใด สมมติว่าสินทรัพย์เป็นเงินสด การจะทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ฝาก ถอน โอน จ่าย ต่างๆ จะต้องมีตัวกลาง อย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน ในลงบันทึกการทำธุรกรรมนั้นๆ แต่หากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จะมีการทำงานอยู่บนโลกออนไลน์ โดยมีระบบบล็อกเชนในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่ผ่านตัวกลางใดใด ทำให้สามารถเทรดซื้อ-ขายได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน แบบไม่มีวันหยุด
ซึ่งในปัจจุบัน ผู้บริโภคที่เป็น 1 ใน 3 ของ Gen Z ทั่วโลกยอมจ่ายเงินเพื่อครอบครองความเป็นเจ้าของ Digital Assets ที่จับต้องไม่ได้ หรือแม้แต่ใช้อะไรไม่ได้บนออนไลน์ แต่มันคือเครื่องแสดงสถานะอย่างหนึ่งในผู้คนในวันนี้ เช่นไอเท็มในเกมหรือดิจิทัลคอนเทนต์
ในเดือนพฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา Gucci ได้เปิดขายกระเป๋าถือออนไลน์ในเกม Roblox ในราคาถึง 350,000 Robux หรือคิดเป็นเงินจริงก็ราวๆ 150,000 บาท ที่ไม่ได้เพิ่มความสามารถอะไรในเกม และก็ไม่มีกระเป๋าใบจริงหรือเอาทำอะไรในโลกจริงไม่ได้เลย ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือมันกลับขายได้ดีกว่าของจริงในโลกออฟไลน์ ซึ่งราคาก็เท่ากันเลย เพียงแค่ผู้คนในวันนี้ต่างยอมรับคุณค่าของ Digital มากขึ้น จึงยอมจ่ายเงินจริงให้กับสิ่งที่จับต้องไม่ได้จริง และไม่ได้ก่อประโยชน์ใดๆ ผิดกับไอเท็มในเกมบางอย่างสมัยก่อนที่ขายได้ราคาแพงเพราะมันมีความสามารถเทพในเกมเหลือเกิน และนี่ก็ก่อให้เกิดศัพท์ใหม่ทางการตลาด จาก Consumer Goods สู่ Digital Goods หรือ Virtual Goods นั่นเอง
ทำไม NFT ถึงได้รับความสนใจในระยะเวลาอันรวดเร็วขนาดนี้
ปัจจัยหลักก็น่าจะมาจากการมีจำกัดไม่สามารถปั๊มเพิ่มหรือ copy & paste ได้แม้จะเป็นแค่ไฟล์ดิจิทัล เมื่ออะไรก็ตามถูกประทับตาแล้วว่าของสิ่งนี้เป็นของใคร ต้นฉบับคืออันไหน ต่อให้จะถูกทำซ้ำมากี่ร้อย พัน หรือล้านๆ ครั้งก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสุดท้ายแล้วมันสามารถสืบสาวย้อนกลับไปได้ว่าใครเป็นเจ้าของไฟล์นี้จริงๆ กันแน่ บางคนอาจจะยังสงสัยว่า NFT คืออะไร? เราจะมาอธิบายเพิ่มเติมให้นะคะ
NFT คืออะไร ?
NFT หรือ Non-Fungible Tokens หนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีความแตกต่างจากพวกคริปโตฯ ตรงที่มีมูลค่าที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพอใจของตัวบุคคลด้วย ยกตัวอย่าง Fungible Assets เหรียญ 25 สตางค์ หากเราจะเอาไปใช้จ่ายเงินมันก็มีค่าแค่ 25 สตางค์ แต่ถ้าหากเป็น Non-Fungible Assets เหรียญ 25 สตางค์นั้นเป็นรุ่นหายาก แล้วเราไปแลกกับนักสะสมเหรียญ มันอาจมีมูลค่าเป็นหมื่นบาทเลยก็ได้ แล้วพอเรานำ Assets เหล่านี้ไปอยู่บนระบบ Blockchain มันจะทวีความสำคัญขึ้นไปอีก
Non-Fungible Assets เหล่านี้มันมีมาก่อนอยู่เเล้ว ยกตัวอย่าง ของในเกมที่เราสามารถซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนกันในมูลค่าที่ต่างกันได้ แต่เราไม่ใช่เจ้าของของมันอย่างแท้จริง เพราะการเป็นเจ้าของที่แท้จริง คือการที่เรามีอิสระในการถือครองและเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านั้นได้ถูกไหม? สินทรัพย์หลายๆอย่างที่เราถือครองอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่ง ไม่สามารถย้ายไปบนอีกแพลตฟอร์มหนึ่งได้ มันคงไม่ง่ายเลยที่เราจะสามารถเอาของในเกมไปขายบน Shopee แล้วส่งต่อให้คนซื้อง่ายๆ เพราะฉะนั้นระบบ Blockchain นี่แหละที่มาแก้ไขปัญหาให้ผู้ใช้งานมีสิทธิครอบครอง และเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ของตัวเองได้ตามต้องการ แถมยังมีคุณสมบัติมากมายที่สามารถทำให้ผู้สร้างและผู้ใช้งาน มีความสัมพันธ์อย่างการส่งมอบ ความเป็นเจ้าของ และการควบคุม
ผู้สร้าง NFT นั้นสามารถจำกัดจำนวนของ NFT ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาได้ และยังสามารถกำหนดคุณสมบัติตายตัวของ NFT นั้นๆ ไม่ให้สามารถแก้ไขได้หลังจากสร้างขึ้นมาแล้ว ยกตัวอย่างเช่น การสร้างไอเทมในเกม ยกตัวอย่างเช่นการสร้างไอเทมในเกม หากไอเทมชิ้นนั้นจัดอยู่ในประเภทหายากหรือ Rare นักพัฒนาสามารถกำหนดจำนวนดรอปของไอเทมที่ตายตัวได้สำหรับไอเทมประเภทนี้ ในขณะที่ไอเทมที่ความหายากอยู่ในระดับทั่วไปก็ปล่อยให้มีจำนวนไม่จำกัด ในขณะที่คุณสมบัติของไอเทมก็สามารถเก็บอยู่บน Blockchain ได้เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป ไอเทมนั้นจะไม่ถูกแก้ไขในภายหลัง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพิสูจน์งานศิลปะว่าเป็นของแท้หรือไม่
ดังนั้นการสร้างแบรนด์และการทำการตลาดจึงจะยิ่งสำคัญมาก ในวันที่ทุกสิ่งล้วนเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ การตลาดในปี 2022 ไปจะยิ่งดุเดือดมากกว่าที่เคยเป็นมา ในโลก Digital Economy ความร่ำรวยไม่ได้วัดจากว่าคุณรู้จักใคร แต่วัดที่ว่าใครบ้างที่ติดตามคุณ การลงทุนไม่ใช่แค่กับ Digital Assets เท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อให้ได้เข้าไปใน Community นั้น ท้ายที่สุดคือเงินที่คุณใช้ไปกับข้าวของดิจิทัลทั้งหลายจะเป็นตัวชี้วัดว่ารสนิยมคุณเป็นอย่างไร หรือคุณมีสถานะทางการเงินดีแค่ไหน
#บริหารรังสิต #RBSRSU #Dek65 #มอรังสิต #บริหารธุรกิจ
