rbs.rsu.ac.th

10-ตัวชี้วัด-Digital-Marketing-1

             ปัจจุบันการทำธุรกิจคงหลีกเลี่บงการทำการตลาดออนไลน์ไปไม่ได้เลย เพราะการทำการตลาดออนไลน์ถือเป็นช่องทางที่ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่าย และสามารถทำได้ทุกที่บนโลก ขอเพียงคุณมีแค่อินเทอร์เน็ต อีกทั้งการทำการตลาดออนไลน์ยังตรวจสอบประสิทธิภาพได้อีกด้วย วันนี้ทางคณะบริหารธุรกิจ จะพาทุกคนมารู้จักกับ 10 ตัวชี้วัดที่คุณควรรู้ใน Digital Marketing กัน เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

10 ตัวชี้วัดที่คุณควรรู้ในเรื่อง Digital Marketing #การตลาด

 

 

10-ตัวชี้วัด-Digital-Marketing-2

ตัวชี้วัดเชิง Awareness

             • Impression คือ จำนวนครั้งทั้งหมดที่โฆษณาถูกแสดงขึ้นมา ไม่ว่าจะแสดงกับคนเดิม หรือคนใหม่ ก็จะถูกนำมานับรวมด้วย หรือพูดง่ายๆว่า โฆษณาแสดงขึ้นมากี่ครั้ง ก็จะถูกนับหมด ถึงแม้ว่าจะซ้ำคนเดิม

             • Reach หลายๆคนจะสับสนกับ Impression จริงแล้ว Reach คือ จำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดงขึ้น แต่จะไม่นับ หากมีการแสดงโฆษณาซ้ำคนเดิม เช่น คนหนึ่งอาจจะเห็นโฆษณานี้ 4 ครั้งแต่ Reach จะนับเป็น 1 เท่านั้น

               **สรุปสั้นๆ สำหรับ Impression และ Reach

                   – Impression คนหนึ่งเห็นโฆษณา 4 ครั้ง Impression = 4 ครั้ง

                   – Reach คนหนึ่งเห็นโฆษณา 4 ครั้ง Reach = 1 ครั้ง

               • CPM หรือ Cost per Mille (ต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง) คือ การคิดค่าโฆษณาต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง

 

10-ตัวชี้วัด-Digital-Marketing-3

ตัวชี้วัดเชิง Action

  • Conversion คือ การกระทำบางอย่างที่เราต้องการจากผู้เห็นโฆษณา หรือพูดง่ายๆคือเปลี่ยนจากการชม มาสนใจในสินค้าหรือบริการของเรา เช่น การซื้อสินค้า การสมัครรับข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น

  • CR หรือ Conversion rate คือ สัดส่วนจำนวนคลิก กับ Conversion (Conversion/click) ยิ่งค่า CR ของเราสูงเท่าไหร่แสดงว่าเราประสบความสำเร็จในการทำโฆษณาออนไลน์มากเท่านั้น

  • ROI หรือ Return on Investment คือ อัตราผลกำไรที่เราได้จากต้นทุนทั้งหมดที่เราลงทุน โดยเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง เพื่อดูว่าเราได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่จากการทำโฆษณาออนไลน์

 

10-ตัวชี้วัด-Digital-Marketing-4

ตัวชี้วัดเชิง Engagement

  • CTR หรือ Click Trough rate คือ อัตราส่วนที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ชมโฆษณาของเรามีการคลิกโฆษณาบ่อยแค่ไหน ซึ่งเราสามารถนำอัตราส่วนตรงนี้ไปใช้ประโยชน์ในการวัดประสิทธิภาพต่างๆของโฆษณาเราได้ เช่น ข้อมูล ตำแหน่งโฆษณา คีย์เวิร์ด เป็นต้น

  • CPC หรือ Cost Per Click (ต้นทุนต่อการคลิก) คือ การคิดค่าโฆษณา โดยใช้ต้นทุนค่าโฆษณาเท่าไหร่ต่อการคลิก เช่น เรามีต้นทุน 1,500 บาท มีการคลิกดูเข้ามาดูโฆษณา 300 ครั้ง ต้นทุนต่อการคลิกของเราจะเท่ากับ 5 บาท นั่นเอง (1,500/300 = 5)

 

 

10-ตัวชี้วัด-Digital-Marketing-5

ตัวชี้วัดอื่นๆ

  • Bounce Rate คือ การที่มีผู้ชมโฆษณา หรือเว็บไซต์ของเรา แล้วกดออกจากหน้านั้นๆทันที ยิ่งค่า Bounce Rate สูงเท่าไหร่ ยิ่งแสดงให้ว่าโฆษณาหรือหน้าเว็บนั้น ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ หรือเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น เราควรต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด

  • CPL หรือ Cost per Lead คือ การคำนวณค่าใช้จ่ายของข้อมูลของคนที่สนใจจะซื้อสินค้าหรือบริการของเรา หากค่า CPL สูงจนเกินไปอาจจะส่งผลเสียกับธุรกิจของเรา เพราะนั่นแสดงให้เราเห็นว่าเรามีต้นทุนมากขึ้นและได้กำไรน้อยลง

#บริหารรังสิต #RBSRSU #Dek65 #มอรังสิต #การตลาด