rbs.rsu.ac.th

การเติบโตทางธุรกิจ1

            ในแง่ของการเติบโตทางธุรกิจนั้น หลายคนคงเคยได้ยินการเติบโตแบบ Organic Growth และการเติบโตแบบ Inorganic Growth และสิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จของการทำธุรกิจ อาจไม่ใช่เพียงแค่ “กำไร” มากหรือน้อยเพียงใด แต่ทว่าสำคัญกว่านั้นคือการเติบโต (Growth) โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักที่นำไปสู่ความสำเร็จ คือ “การเติบโตทางธุรกิจ” อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตด้านขนาดบริษัทหรือการเติบโตทางด้านส่วนแบ่งตลาด คณะบริหารธุรกิจจึงจะมาอธิบายว่ากลยุทธ์ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร

2 กลยุทธ์สำหรับ การเติบโตทางธุรกิจ #บริหารธุรกิจ

 

 
 

การเติบโตทางธุรกิจ2

การเติบโตแบบ Organic Growth

            เป็นการเติบโตจากภายใน เกิดขึ้นด้วยธุรกิจของบริษัทเอง ผ่านการขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ หรืออาจเรียกว่าเป็นการเติบโตตามธรรมชาติ ที่เกิดจากทรัพยากรหรือสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัท นักบริหารส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับ Organic Growth ที่ถือเป็นการบ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารจัดการทรัพยากร ที่โดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง เพราะเป็นการบ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารและจัดสรรทรัพยากรขององค์กร เพื่อที่จะสร้างยอดขาย ขยายฐานลูกค้า หรือเพิ่มผลผลิตของบริษัท ฯลฯ

            อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท้าทายสำหรับการเติบโตแบบ Organic Growth คือ มันต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่กลยุทธ์นี้จะเริ่มส่งผลต่อการเติบโตอย่างชัดเจน

การเติบโตทางธุรกิจ3

การเติบโตแบบ Inorganic Growth

            เป็นการเติบโตจากภายนอก ผ่านกระบวนการควบรวมหรือการซื้อกิจการ เพราะเป็นทางลัดที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท อาจเป็นธุรกิจเดียวกับธุรกิจเดิมหรือธุรกิจใหม่ เป็นการเติบโตที่อาจเรียกได้ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการบริหารงานอย่างแท้จริง โดยบริษัทอาจจะเลือกโตแบบ Inorganic Growth เพื่อที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่าย หรือรับพนักงานหรือแนวความคิดใหม่ๆ เพื่อที่จะนำมาสร้าง Organic Growth ต่อไปในอนาคต

การเติบโตแบบ Inorganic นั้นมักจะเร็วกว่า Organic เพราะว่าเป็นการควบรวมกิจการ นอกเหนือจากการควบรวมกิจการ คือ การได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือนโยบายรัฐ หรือ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ที่ส่งผลประโยชน์ให้บริษัท ซึ่ง Inorganic Growth เป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมกันมาก จากบริษัทจดทะเบียนไทย เพราะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทได้รวดเร็ว หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการทำลายกำแพงทางตันของธุรกิจเดิมด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่า ทั้ง 2 วิธีก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญคือไม่ว่าผู้บริหารจะเลือกวิธีไหน สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะบอกว่าผู้บริหารนั้นคิดผิดหรือถูกก็คือ บริษัทได้เติบโตทั้งในแง่ของรายได้และกำไรที่คาดหวังเอาไว้หรือไม่ ? เพราะถ้าใช่ ก็ถือว่าเดินมาถูกทาง แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องกลับไปคิดทบทวนใหม่และหากลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้บริษัทเติบโตต่อไปในอนาคต

#บริหารรังสิต #RBSRSU #Dek65 #มอรังสิต #บริหารธุรกิจ